ทำความรู้จัก แบบบริการธุรกิจของ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า หรือ แบบ บธ.1

แบบบริการธุรกิจของ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า หรือ แบบ บธ.1นั้น
มีหน้าตาดังรูป

แบบ บธ.1

ซึ่งแบ่งหลักๆได้สองส่วนคือ 

1. ส่วนที่ต้องกรอกข้อมูล พยายากกรอกข้อมูลให้ครบถ้วนและให้อ่านออก เพื่อประโยชน์ของตัวผู้ขอเอง

ที่จำเป็นและน้อยที่สุดที่ต้องกรอกคือ ชื่อ,เบอร์โทรของผู้ขอ  และชื่อบริษัทและเลขทะเบียน 13 หลัก

2. ส่วนที่ต้องเลือกเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ เช่นต้องการหนังสือรับรอง กี่รายการก็เลือกเท่าที่ต้องการ

ในส่วนนี้จะเป็นตัวสรุปค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระ เช่น ขอหนังสือรับรองบริษัท 5 รายการ เป็นเงินทั้งหมด 200 บาท

ส่วนที่ต้องกรอกข้อมูล

ส่วนที่ต้องเลือกสิ่งที่ต้องการ

หนังจากกรอกข้อมูล และเลือกสิ่งที่ต้องการขอเรียบร้อยแล้ว ก็นำไปให้เจ้าหน้าที่ ได้เลยครับ 

ครั้งหน้าจะมาอธิบายรายละเอียดในแต่ละส่วน ^^

หนังสือรับรองบริษัท

หนังสือรับรองนิติบุคคล

          หนังสือรับรองนิติบุคคล บริษัทจำกัด /ห้างหุ้นส่วน/บริษัทมหาชน คืออะไร เป็นเอกสารที่ออกโดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นหนังสือรับรองข้อความตามรายการทางทะเบียนที่ได้จดทะเบียนหรือขออนุญาตไว้ต่อนายทะเบียน เป็นข้อมูลสาธารณะ ใครก็สามารถมาขอได้ เพียงยื่นแบบคำร้อง (บธ.1) และเสียค่าใช้จ่ายตามที่กฏหมายกำหนด โดยจะทำการคิดใช้จ่ายตามจำนวนรายการที่เลือก

รายการในหนังสือรับรอง แบ่งตาม ค่าใช้จ่าย ได้ 2 ส่วนหลักๆ คือ
1. นิติบุคคลทั่วไป บริษัทจำกัด./ ห้างหุ้นส่วน/ บริษัทมหาชนจำกัด (บจ./หจก./บมจ.)
คิดรายการละ 40 บาท  ซึ่งมีทั้งหมด 9 รายการ  แบ่งเป็น 2 กลุ่มย่อยๆคือ

ธุรกิจยังดำเนินการอยู่ มี 6 รายการ

• ชื่อกรรมการ / ชื่อหุ้นส่วนและเงินลงทุน
• อำนาจกรรมการ / ชื่อหุ้นส่วนผู้จัดการ
• ทุน / ข้อจำกัดอำนาจหุ้น /ทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้ว
• ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ / สาขา
• วัตถุประสงค์
• รายการอื่นๆ

ธุรกิจได้จดทะเบียนเลิกแล้ว มี 3 รายการ

• ชื่อผู้ชำระบัญชี
• ข้อจำกัดอำนาจผู้ชำระบัญชี
• สำนักงานผู้ชำระบัญชี

2. การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว มี 5 รายการ
คิดรายการละ 100 บาท

• ชื่อที่ได้รับใบอนุญาติ
• ธุรกิจที่ได้รับใบอนุญาติ
• ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ / สาขา
• ผู้รับผิดชอบในประเทศไทย
• รายการอื่นๆ

        หนังสือรับรองสามารถขอรายละเอียดจำนวนรายการเท่าที่จำเป็นต้องใช้ 

ซึ่งโดยทั่วไป สำหรับบริษัทที่ยังดำเนินกิจการอยู่ หนังสือรับรองจะขอหนังสือรับรอง 5 รายการ

และในกรณีที่เลิกกิจการแล้วก็จะขอ กัน 3 รายการ

สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับหนังสือรับรองในเบื้องต้นก็มีเพียงเท่านี้ ครั้งต่อไปมาว่ากันต่อในเรื่อง

สำเนาเอกสาร

ความรู้เบื่องต้นเกียวกับบัตร คีย์การ์ด

ความรู้เบื่องต้นเกียวกับบัตร คีย์การ์ด

บัตรคีย์การ์ดนั้นหลักๆมี 2 ประเภทนั่นก็คือแบบ Proximity และแบบ Milfare ซึ่งมีลักษณะคล้ายกัน แต่ไม่สามารถใช้งานแทนกันได้ เนื่องจากเครื่องอ่านบัตรคีย์การ์ดแต่ละประเภทไม่สามารถใช้อ่านบัตรคีย์การ์ดร่วมกันได้

            บัตรคีย์การ์ดแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆคือบัตรคีย์การ์ดแบบ Proximity Card และแบบ Milfare Cardซึ่งการใช้งานจะคล้ายๆกัน แต่หลักการทำงานของแต่ละประเภทจะแตกต่างกันเล็กน้อย

โดยสามารถสังเกตได้ง่ายๆว่า บัตรที่เราใช้นั้นเป็นแบบไหน ดูจากวิธีการใช้งาน  ถ้าเวลาใช้งาน ต้องทาบบัตรแตะกับเครื่องอ่านเลย ก็เป็นแบบ Proximity ถ้าไม่ต้องสัมผัส ห่างได้แต่ไม่เกิน 10 Cm.ก็เป็นแบบ Milfare

สวนลักษณะภายนอกทางกายภาพนั้น

·         - Proximity Card แบบบาง 0.8 มิลลิเมตร สามารถเข้าเครื่องพิมพ์บัตรได้

·         - Proximity Card แบบหนา 1.8 มิลลิเมตร เหมาะสำหรับใช้เป็นบัตรพนักงาน เพราะมีรู        สำหรับห้อยสายคล้องคอ

·         - Key Tag มีลักษณะเป็นกุญแจ เพื่อความสะดวกในการพกพา

          -  และยังมีรูปแบบอื่นๆอีกเช่นสายรัดข้อมือ หรือเป็นแผ่นคล้ายสติ๊กเกอร์ 

บัตรคีย์การ์ด แบบ Mifare Card เป็นบัตรที่ใช้กับ Reader ที่มีคลื่นความถี่ 13.56 Mhz เท่านั้น ใช้งานแบบไม่ต้องสัมผัสทาบบัตร Mifare ใกล้ ๆ Reader ไม่เกิน 10 CM ก็สามารถรับส่งข้อมูลได้ บัตรคีย์การ์ด แบบ Mifare Card มีความจุ 1 Kbit , 2 Kbit , 4 Kbit ซึ่งสามารถเลือกใช้ตามความเหมาะสมกับลักษณะงานของแต่ละหน่วยงาน   Milfare 1K หนาเพียง 0.8 มิลลิเมตร

·       Milfare 4K หนาเพียง 0.8 มิลลิเมตร สามารถบันทึกข้อมูลลงบนบัตรเพิ่มได้ เช่น ชื่อผู้ใช้ หรือข้อมูลส่วนตัวต่างๆ